วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2553

ท่องแดนพุทธภูมิ ตอน 7 พาราณสี_1

วันนี้ 7 ธันวา โปรแกรมเราจะไปเมืองพาราณสี หรือ ตามภาษาอังกฤษ อ่านว่า วาราณสี (Varanasi) ก่อนไปพาราณสี เราต้องไปแวะทำบุญไหว้พระกับ วัดไทย ที่เมือง คยา กันก่อนนะครับ

8.00 น. –> ห่างจาก รร. Royal Residency Hotel ไปประมาณ 5 นาที ก็มาถึงวัดไทยพุทธคยา กันแล้ว วัดนี้สร้างตั้งแต่สมัยรัฐบาล จอมพล ป. พิบูลสงคราม พ.ศ. 2500 เป็นวัดไทยแห่งแรกในประเทศอินเดีย พระอุโบสถทรงไทย ถ่ายแบบมาจาก พระอุโบสถวัดเบญจมบพิตร พระประธาน ก็เป็นรูปแบบกับพระประธานที่วัดเบญฯ มีท่านเจ้าคุณพระเทพโพธิวิเทศ (ทองยอด ภูริปาโลปธ.9 Ph.D) หัวหน้าพระธรรมทูต สายประเทศอินเดีย เป็นเจ้าอาวาส

SDC11202 วัดไทยพุทธคยา

มาถึงวัดไทยพุทธคยา ทั้งที ไม่ทำบุญไม่ได้แล้ว ว่าแล้วก็ร่วมทำบุญถวายผ้าป่า ไป 300 รูปี รวมเงินทำบุญของคณะทัวร์เราเที่ยวนี้ คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 51,000 บาท สาธุๆ อนุโมทามิ

ดู ทำบุญ วัดไทยพุทธคยา
ทำบุญถวายผ้าป่าที่วัดไทยพุทธคยา

9.00 น. –> เสร็จจากไหว้พระทำบุญที่วัดไทยพุทธคยาแล้ว ก็ไปต่อที่ บ้านนางสุชาดา ที่ ต.อุรุเวลาเสนานิคม (แปลว่า ตำบลที่เต็มไปด้วยทราย (อุรุ แปลว่า ทราย) บ้านนางสุชาดา ลักษณะปัจจุบันเป็นสถูป สร้างตั้งแต่สมัย พระเจ้าอโศกมหาราช หลังครองราชย์นาน 10 ปี และต่อเติมในยุคราชวงศ์ปาละ ปัจจุบันสถูปสูง 11 เมตร เป็นรูปทรงกลม สร้างเพื่อแสดงความระลึกถึง นางสุชาดา ธิดาของคฤหบดี ผู้มีส่วนในเหตุการณ์ที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ โดยได้ถวายข้าวปั้นมธุปายาสซึ่งเป็นข้าวที่หุงด้วยน้ำนมวัว อันประณีต 49 ปั้น พร้อมถาดทองคำแท้ แด่พระบรมศาสดาก่อนตรัสรู้

SDC11211 บริเวณทางเข้าบ้านนางสุชาดา

สถานที่นี้ คาดว่าเป็นบ้านนางสุชาดา ธิดาของคฤหบดี สถูปบ้านนางสุชาดา

ขอทานบริเวณบ้านนางสุชาดา ขอทานบริเวณบ้างนางสุชาดา

ใกล้บ้านนางสุชาดา จะเป็นแม่น้ำเนรัญชรา ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้ามาตั้งจิตอธิษฐานก่อนตรัสรู้ พร้อมลอยถาดเสี่ยงพระบารมี “ถ้าจะได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ขอให้ถาดทองลอยทวนกระแสน้ำ หากไม่สำเร็จสมประสงค์ ขอให้ถาดลอยไปตามกระแสน้ำ” ซึ่งทางทัวร์ได้พาไปชม บริเวณริมฝั่งแม่น้ำ ท่าสุปปติฏฐะ แต่ต้องขอโทษที่ไม่สามารถนำภาพบริเวณนี้มาให้ชมได้ เนื่องจาก ทางไกด์แนะนำไม่ให้ลงจากรถ เนื่องจาก ขอทานที่นี่เยอะมาก (ถือว่าเป็นลูกหลานนางสุชาดาซะจะได้สบายใจไม่เครียด) ลงไปอาจไม่สะดวก และการให้ทาน ก็ควรให้ขณะอยู่บนรถ (ถ้าอยากให้) ไม่งั้นจะโดนรุมขอทานแบบถล่มทลาย เราก็เลยให้ทานไปด้วย 40 รูปี

ดูกันอีกครั้ง ริมแม่น้ำเนรัญชรา ที่แห้งขอด กลายเป็นแม่น้ำทราย เป็นสถานที่ๆ พระพุทธเจ้าทรงอธิษฐานลอยถาดทองคำที่นางสุชาดาถวายพร้อมข้าวมธุปายาส แม่น้ำเนรัญชรา ที่แห้งผาก ที่พระองค์มาอธิษฐานก่อนตรัสรู้

จบจากบ้านนางสุชาดาก็ไปไหว้พระ สวดมนต์ อำลาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ พุทธคยา ก่อนจะลัดฟ้าไปสู่พาราณสี

SDC11228 มาอำลาดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่พุทธคยา

หลังจากหม่ำกลางวันที่ รร. Royal แล้วเสร็จ ก็เดินทางออกจาก รร. ไปสู่สนามบินคยาได้เลย โดยแผนการเดินทางเนื่องจากสนามบินพาราณสี เล็กมาก และจำกัดด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในการขนถ่ายสัมภาระ ทางเอื้องหลวงจึงนำกระเป๋า สัมภาระขนาดใหญ่ของลูกทัวร์ เดินทางล่วงหน้าโดยรถยนต์ไปพาราณสีตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 6 แล้ว ให้ลูกทัวร์ เหลือไว้แต่กระเป๋าเล็กสัมภาระจำเป็นเพื่อนำขึ้นเครื่องที่คยา และ ขนเดินทางออกจากสนามบินได้เลย ที่พาราณสี เพื่อลดเวลาในสนามบิน

13.00 น.-> ถึงสนามบินคยาแล้ว สนามบินที่นี่เป็นสนามบินเล็ก แต่ตรวจเข้มมาก มีจุดตรวจ Passport 2 ครั้ง ก่อนจะมาตรวจที่ ตม. แต่เนื่องจากมากับทัวร์เอื้องหลวง ทำให้ลดขั้นตอนนี้ไปได้ จากนั้นก็มาเช็ค Boarding Pass มีการตรวจค้น เมื่อผ่านแล้วจะมีการ Stamp ตราครั้งที่ 1 อย่าลืมดูว่า Stamp เรียบร้อยนะครับ ถ้าลืมแล้วเดินไปถึงจุดที่ 2 แล้วไม่มี Stamp มาก่อน จะต้องกลับไปเดินกลับไป Stamp ใหม่ นะซิบอกให้

การตรวจของ สนามบิน GAYA ห้องที่คลุมด้วยม่านสีแดง สำหรับการตรวจแบบละเอียด สนามบินคยา ห้องม่านแดง เป็นห้องตรวจค้นสำหรับ ผู้หญิง

14.45 น. –> ขึ้นเครื่อง TG ไปพาราณสี ใช้เวลาประมาณ 35 นาที แต่ถ้าเดินทางด้วยรถใช้เวลาประมาณ 6 ชม. เมื่อถึงสนามบินพาราณสี แล้ว ก็นั่งรถเข้าไปตัวเมือง อีก 20 นาที โดยเป้าหมายของเรา ได้แก่ ป่าอิสิปมฤคทายวัน / สวนสารนารถ

เมืองพาราณสี ถือเป็นเมือง ศก.ท่องเที่ยว มีประชากร 130 ล้านคน มี 2 ม. ให้พูดถึง ได้แก่ ม.เมืองอมตะไม่เคยตาย กับ ม.แม่น้ำคงคา จากสวรรค์

เล่ามาซะยืดยาว ยังไม่ได้เที่ยวเมือง พาราณสีเลยอ่ะ ดูแล้วคงต้องยกยอดไปไว้ตอนต่อไปแล้วล่ะ แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าครับ

ดูรูปวันที่ 3 ของการเดินทาง (7 ธ.ค.) ทั้งหมด ได้ ที่นี่

วันอาทิตย์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2553

รวมบทสวดมนต์ประกอบดนตรี

ได้รับ FW. mail จากเพื่อนจึงขอนำมาลงไว้ใน Blog นี้ก่อนนะครับ เป็นการคั่นเรื่องอินเดียไว้ 1 ตอนครับเป็นการเผยแผ่ธรรมแบบหนึ่งนะครับ

ขออนุโมทนาบุญ กับผู้ที่จัดทำบทเพลงสวดมนต์ชุดนี้ ไว้ใน website ให้พวกเราได้ download ไปฟังกันด้วยนะครับ สาธุ...


ส่งต่อหรือเผยแผ่เพื่อสร้างกุศล

http://audio.palungjit.com/forumdisplay.php?f=21

ฟัง คลิ๊กขวาที่ชื่อเพลงเลือก OPEN
ต้องการเก็บไว้ฟัง คลิ๊กขวาเลือก Save Target Asนะครับ

ฟัง

บทแผ่เมตตา.mp3(281.0 KB, 3262 views)

ฟัง

บทสวดไตรสรณคมณ์.mp3(530.3 KB, 2225 views)

ฟัง

พระคาถาชินบัญชร..ชำระใจ.mp3(4.48 MB, 3227 views)

ฟัง

พระคาถาพาหุง.mp3(2.28 MB, 3765 views)

ฟัง

อัปปมัญญาภาวนา(บาลี).mp3(1.04 MB, 2902 views)


ฟัง

001บทพระรัตนตรัย.mp3(17.75 MB, 10123 views)

ฟัง

002สัมปันโน.mp3(26.44 MB, 6513 views)


ฟัง

สวดพุทธังสรนัง.wma(438.3 KB, 5356 views)

ฟัง

01 - เพลงชินบัญชร.mp3(3.89 MB, 6675 views)

ฟัง

02 - เพลงชินบัญชรแปล.mp3(3.95 MB, 3576 views)

ฟัง

01 - ทำนองสรภัญญะ 1.mp3(500.0 KB, 3780 views)

ฟัง

02 - ทำนองสรภัญญะ 2.mp3(302.0 KB, 2286 views)

ฟัง

03 - ทำนองสรภัญญะ 3.mp3(360.0 KB, 2159 views)

ฟัง

01นะโมตัสสะ.mp3(922.0 KB, 2998 views)

ฟัง

02นะโมพาหุงมหากา.mp3(3.47 MB, 5222 views)

ฟัง

03แผ่เมตตา.mp3(774.0 KB, 3058 views)

ฟัง

04พระพิชิตมาร.mp3(3.20 MB, 2464 views)

ฟัง

Track01 กราบพระห้าครั้ง.mp3(2.50 MB, 1291 views)

ฟัง

Track02 คำนมัสการรอยพระพุทธบาท (๑).mp3(3.95 MB, 229 views)

ฟัง

Track03 คำนมัสการรอยพระพุทธบาท (๒).mp3(4.60 MB, 154 views)

ฟัง

Track04 นมัสการพระอรหันต์ ๘ ทิศ (๑).mp3(3.89 MB, 235 views)

ฟัง

Track05 นมัสการพระอรหันต์ ๘ ทิศ (๒).mp3(3.99 MB, 162 views)

ฟัง

Track06 คำกลอนนมัสการพระพุทธบาท.mp3(3.52 MB, 110 views)

ฟัง

Track07 นมัสการพระอรหันต์ ๘ ทิศ (๑).mp3(4.32 MB, 148 views)

ฟัง

Track08 นมัสการพระอรหันต์ ๘ ทิศ (๒).mp3(3.59 MB, 111 views)

ฟัง

Track09 นมัสการรอยพระพุทธบาท.mp3(2.95 MB, 117 views)

ฟัง

Track10 กราบพระห้าครั้ง.mp3(4.44 MB, 402 views)



มงคลสูตร เสียงอินเดีย

ฟัง

6012.mp3(2.84 MB, 1575 views



สวดมนต์แปล ประกอบดนตรี พูลศรี เจริญพงษ์

ฟัง

บทสวด.mp3(9.19 MB, 31688 views)




บทสวดชินบัญชร และทำนองสรภัญญะ

ไฟล์แนบข้อความ

ฟัง

Track01.mp3(727.0 KB, 2570 views)

ฟัง

Track02.mp3(727.0 KB, 1468 views)

ฟัง

01 - เพลงชินบัญชร.mp3(3.89 MB, 28532 views)

ฟัง

02 - เพลงชินบัญชรแปล.mp3(3.95 MB, 1672 views)

ฟัง

01 - ทำนองสรภัญญะ 1.mp3(500.0 KB, 2395 views)

ฟัง

02 - ทำนองสรภัญญะ 2.mp3(302.0 KB, 1332 views)

ฟัง

03 - ทำนองสรภัญญะ 3.mp3(360.0 KB, 1170 views)

ฟัง

01 - บทสวดบูชาพระเขี้ยวแก้ว.mp3(7.38 MB, 888 views)

ฟัง

01-กวนอิม ปู้เหมินปิง.mp3(3.31 MB, 1105 views)

ฟัง

3Kovit เพลงองค์ใดพระสัมพุทธ.mp3(270.0 KB, 2829 views)



พุทธชัยมงคลคาถา พาหุง (อินเดีย)

ฟัง

10677.mp3(5.82 MB, 2200 views)




บทบูชาพระรัตนตรัย ทำนองสรภัญญะ

ฟัง

บทบูชาพระรัตนตรัย.wma(697.3 KB, 2381 views)

ฟัง

บทสรรเสริญพระพุทธเจ้า.wma(891.5 KB, 5183 views)




คาถาชินบัญชร ทิเบต

ฟัง

11781.mp3(5.33 MB, 1554 views)


มงคลสูตร บาลี-ไทย

ฟัง

6612.mp3(11.82 MB, 552 views)



คิริมานนทสูตร
วัดป่าดอยแสงธรรมญาณสัมปันโน

ฟัง

คิริมานนทสูตรa_.zip(10.08 MB, 4007 views)

ฟัง

คิริมานนทสูตรb_.zip(10..12 MB, 1795 views)




บทสวดเจริญอัปปมัญญา

ฟัง

Illimitable.mp3(1.56 MB, 2909 views)



สวดสรรเสริญพระรัตนตรัยประกอบดนตรี

ฟัง

สวดสรรเสริญพระรัตนตรัย.mp3(1.01 MB, 4299 views)


ท่องแดนพุทธภูมิ ตอน 6 ราชคฤห์_4

ระหว่างเดินทางมาเมือง นาลันทา หลวงพี่ ธนะรัชต์ มีเกร็ดความรู้ต่างๆ เล่าให้ฟังไปเรื่อยๆ เช่น

เรื่องหนุมาน กล่าวกันว่า คนอินเดีย นับถือหนุมานมาก เนื่องจากมีความกล้าหาญ , ซื่อสัตย์ นอกจากนี้ยังพูดไปถึงเรื่องของหนู ที่หลวงพี่เล่าว่า ที่อินเดีย ถ้าเจอหนู เค้าห้ามตี เพราะถือว่าหนูเป็นพาหนะ ของพระพิฆเนศ ถ้าใครเจอจะถือว่าโชคดี เงินทอง ไหลมา เทมา และแหล่งที่เจอหนูเยอะ แหล่งหนึ่ง ก็คือ รถไฟ บนรถไฟ ของอินเดีย จะมีความนิ่มนวลมาก และมีขนาดใหญ่กว่าของไทย แต่โทษทีเหอะ หนูเยอะมากๆ ถ้าใครจะขึ้นรถไฟอินเดีย ก็ต้องเตรียมทำใจกับหนูหน่อยนะจ๊ะ แต่เรื่องความนิ่มนวลและสะดวกสบายรับรองว่านิ่มนวลมาก

SDC11099 กำลังเดินทางไปนาลันทา

แล้วก็มาถึงเมืองนาลันทาซะที ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ห่างจากเมืองราชคฤห์ประมาณ 12 กม. ก่อนจะไป “นาลันทาคาม” เราแวะไปไหว้ “หลวงพ่อดำ” กันก่อน หลวงพ่อดำ เป็นพระพุทธรูปที่รอดจากการถูกเผาทำลายของพวกอิสลามในพุทธสตวรรษที่ 18 และเป็นพระพุทธรูปองค์เดียวที่มีสภาพสมบูรณ์ และงดงามที่สุดเท่าที่พบในนาลันทา หลวงพ่อดำ ไม่ได้อยู่ที่วัดไหน แต่อยู่กับชาวบ้านที่หมู่บ้าน ทั้งนี้มีความเชื่อว่า หลวงพ่อดำ เป็นหมอที่ศักดิ์สิทธิ์ช่วยรักษาเด็กๆ ที่เกิดมารูปร่างผอมแกรนให้อ้วนท้วนสมบูรณ์ แข็งแรงได้

ดู หลวงพ่อดำ
ทางเข้าไปไหว้ หลวงพ่อดำ

ทางเข้าไปไหว้หลวงพ่อดำ มีให้เลือกว่าเราจะนั่งรถม้าเข้าไปก็ได้ หรือ จะเดินเข้าไปก็ได้ไม่ไกลมาก ทางเข้าฝุ่นจะเยอะหน่อยและต้องระวังลูกระเบิดที่พวกปล่อยของไว้ด้วย เหยียบไปล่ะจะเหม็นติดเท้าเชียว ฮิๆๆๆ

หลวงพ่อองค์ดำ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย เชื่อว่าเป็นหลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ช่วยรักษาเด็กๆ ที่เกิดมาผอมแกร็น ให้กลับมาอ้วนท้วนสมบูรณ์ได้ ขอพรหลวงพ่อดำ ให้มีสุขภาพแข็งแรง

เสร็จจากไหว้หลวงพ่อดำ ขอให้สุขภาพแข็งแรง แล้ว ก็ได้เวลาไปต่อที่ นาลันทาคาม บ้านเกิดของพระสารีบุตรซะที

SDC11175 ด้านหลังนี้เป็นสถูปบรรจุพระอัฐิของพระสารีบุตรครับ

นาลันทาคาม” ถือเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์เก่าแก่ที่สุดในโลก และสันนิษฐานว่าเป็นบ้านของพระสารีบุตร และ นาลันทา สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับ ปัญญาของพระสารีบุตร และให้เป็นแหล่งรวบรวมความรู้ภูมิปัญญาต่างๆ มีสถูปเจดีย์ บรรจุพระอัฐิของพระสารีบุตรอยู่ หลวงพี่ ธนรัชต์ ได้เล่าให้ฟังว่า นาลันทาเป็นตัวแทนความดีของพระสารีบุตร ได้แก่

1. ปัญญาดี

2. เป็นลูกศิษย์ที่ดี ของพระอสชิ

3. เป็นเพื่อนที่ดี ได้กลับมาแสดงธรรมให้กับ พระโมคคัลลานะ

4. เป็นอาจาร์ยที่ดี

5. เป็นพี่ที่ดี ของน้องๆ ได้นำน้องสาว และ น้องชาย ออกบวช และได้บรรลุธรรมทั้งหมด

6. เป็นลูกที่ดีของพ่อ แม่ เทศน์โยมแม่ก่อนนิพพานและทำให้คุณแม่ได้ดวงตาเห็นธรรม เป็นโสดาบัน

ดู นาลันทา1
ภาพในนาลันทา

รายละเอียดความยิ่งใหญ่ของเมือง นาลันทา ยังมีอีกมาก และ ยังถือว่าเป็นมหาวิทยาลัยของมหาวิทยาลัยทั้งหลายในโลก ซึ่งถูกค้นพบโดยเซอร์อเล็กซานเดอร์ คันนิงแฮม นักโบราณคดีชาวอังกฤษ ซึ่งนาลันทาคาม นี้ถูกฝังตัวมานานถึง 700 ปี ว่ากันว่าปัจจุบันเพิ่งขุดสำรวจไปได้เพียง 10% ของพื้นที่ 16 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น

ดู ภาพนาลันทาในอดีต ภาพในอดีตของนาลันทา

เราคงรู้จักหนังหรือละคร เรื่อง ไซอิ๋ว และรู้จัก พระถังซำจั๋ง กันแล้วนะ พระถังซำจั๋ง(หลวงจีนหยวนฉาง) ได้เคยจาริกมาในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11 และได้ศึกษาพระธรรม ตลอดจนเคยเป็นอธิการบดีของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วย

พูดถึง เรื่องไซอิ๋ว เพื่อนๆ ลองทายดูว่า ทั้ง หงอคง , โป๊ยก่าย , ซวยเจ๋ง แต่ละท่าน เป็นตัวแทนของอะไรบ้าง? ติ๊กต่อกๆๆๆๆ มาดูเฉลยแล้วกัน หลวงพี่ท่านบอกว่า หงอคง เป็นตัวแทน ของ “โทสะ” , โป๊ยก่าย เป็นตัวแทนของ “ราคะ” , ซวยเจ๋ง เป็นตัวแทนของ “โมหะ”

หลังจากเดินชมความยิ่งใหญ่ของนาลันทา เรียบร้อยแล้ว ก็มานั่งสวดมนต์หน้าสถูปที่บรรจุพระอัฐิของพระสารีบุตร ต่อไป ก่อนจะเดินทางกลับที่พัก

คณะเดินทางสวดมนต์บำเพ็ญบุญ ณ สถูปพระสารีบุตร

ถึงที่พักแล้วก็ประมาณ 2 ทุ่ม ทานข้าวเย็น ก่อนแยกย้ายพักผ่อน วางสัมภาระใบใหญ่ไว้หน้าห้อง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ขนไปพาราณสีในค่ำคืนนี้

สำหรับคณะทัวร์ ก็พักผ่อนให้เต็มที่ เตรียมเดินทางไปเมืองพาราณสี ในวันต่อไป พบกันที่กรุงพาราณสีครับ

ดู รูป บันทึกการเดินทาง ไปกรุงราชคฤห์ วันที่ 6 ธ.ค.

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ท่องแดนพุทธภูมิ ตอน 5 ราชคฤห์_3

เรายังอยู่กับวันที่ 6 ธันวา 2552 ที่กรุงราชคฤห์ นะครับ หลังจากที่เราได้อิ่มท้องกัน ที่ รร. อินโดฮอกเก้ แล้ว ก็พร้อมออกเดินทางไปสักการะสถานศักดิ์สิทธิ์ กันต่อครับ เป้าหมายต่อไปของเราก็คือ "วัดเวฬุวัน" ครับ ท่านผู้ชม "วัดเวฬุวัน" ถือเป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา ที่พระเจ้าพิมพิสาร พระราชทานพระพุทธอุทยานสวนป่าไผ่ และ ทรงสร้างวัดเวฬุวัน ถวายเป็นพุทธบูชาแด่พระพุทธเจ้า และ ที่นี่เป็นสถานที่ที่พระองค์ ได้ประทานเอหิภิกขุอุปสัมปทาน (พระพุทธเจ้าบวชให้) แด่อัครสาวก 2 ท่าน คือ พระโมคคัลลานะ และ พระสารีบุตร

SDC11083 มาถึงวัดเวฬุวันแล้วค่ะ (คุณแม่ว่างั้น

รูป 1.-ด้านหน้าก่อนเข้าวัดเวฬุวันครับผม

และที่ วัดเวฬุวัน นี้ ยังเป็นที่แสดง "โอวาทปาติโมกข์" ในวันเพ็ญเดือน 3 แด่ พระอริยสงฆ์ที่เป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา (พระพุทธเจ้าบวชให้) จำนวน 1,250 รูป ซึ่งได้มาประชุมพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ซึ่งทำให้เกิด "วันมาฆบูชา" ขึ้น

สำหรับปฐมธรรมเทศนา นั้น หลวงพี่ธนรัฐ ได้เล่าให้พวกเราฟัง แบบจำง่ายๆ ดังนี้ คือ

"หลักการ 3 อุดมการณ์ 4 วิธีการ 6 "

พระพุทธรูปปางโอวาทปาติโมกข์ SDC11093

รูป2-พระพุทธรูปปางแสดงโอวาทปาติโมกข์ ซึ่งจุดนี้ เชื่อว่าเป็นที่แสดงโอวาทปาฏิโมกข์

สำหรับหลักการ 3 ซึ่งเป็นหัวใจของศาสนาพุทธ คือ 1. ทำดี 2. ละชั่ว 3. ทำจิตใจให้ผ่องใส

อุดมการณ์ 4 ได้แก่ 1. ขันติ 2. นิพพานังปรมังสุขัง นิพพานเป็นธรรมอันประเสริฐ 3. การไม่เบียดเบียนคนอื่น 4. การไม่เบียดเบียน เป็นผู้ที่ชื่อว่าเป็นสมณะ

วิธีการ 6 คือ 1. ไม่กล่าวว่าร้าย 2. ไม่ทุบตี ทำร้ายฆ่าฟัน 3. การสำรวมในปาติโมกข์ หรือมีวินัยในตนเอง 4. ประมาณการในการกิน (อย่าเห็นแก่กิน) 5. อย่าเห็นแก่นอน 6. ประกอบการเพียรรักษาจิต

พระมหาอ้าย เป้นพระวิทยากรอีกท่าน กำลังเล่าพุทธประวัติเกี่ยวกับวัดเวฬุวัน รูป3-คณะทัวร์นั่งฟังธรรมบรรยายจากพระมหาทั้ง 2 และ สวดมนต์หน้าองค์ พระพุทธรูปปางแสดงโอวาทปาติโมกข์

สำหรับที่แห่ง นี้ยังได้ก่อให้เกิด วิธีการกรวดน้ำ เป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้เราได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาเมื่อทำบุญกุศลแล้วเสร็จ ต้องกรวดน้ำอุทิศบุญกุศล ให้ผู้ล่วงลับ เจ้ากรรมนายเวร .... ทั้งหลายด้วย เหตุมาจากพระเจ้าพิมพิสารได้ทำบุญแล้วไม่ได้ทำการอุทิศบุญกุศล พระพุทธเจ้าจึงได้แนะนำและให้ทำพิธีกรวดน้ำ จึงได้เกิดเป็นประเพณีสืบมา

SDC11094 รูปที่ 4 -ภาพนี้คือ สระน้ำกลันทกนิวาปะ (ที่อยู่ในวัดเวฬุวัน)

สระน้ำกลันทกนิวาปะ แปลว่าที่ให้เหยื่อแก่กระรอกกระแต เป็นสถานที่ที่พระเจ้าพิมพิสารประกาศให้เป็นเขตอภัยทานเหล่ากระแตเพื่อตอบแทนบุญคุณที่เหล่ากระแตเคยช่วยให้พระองค์พ้นภัยจากงูเห่า

จบจากการสวดมนต์ ที่ วัดเวฬุวัน แล้ว เวลา 14.15 น. เราก็ออกรถไปต่อกันที่ เมืองนาลันทา เมืองแห่งมหาวิทยาลัยพุทธศาสนาที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งถ้าพวกเราได้เห็นเมืองนาลันทา แล้วจะรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ของเมืองนี้จริงๆ ความสำคัญของเมืองนาลันทา เป็นอย่างไร ทำไมถึงสำคัญ และ ได้รับการยกย่องขนาดนี้ โปรดติดตามตอนต่อไปคร๊าบ….

ปล. วันมาฆบูชา ยังเรียกว่าเป็นวันจาตุรงคสันนิบาต คือ ประกอบด้วยเหตุ 4 ได้แก่ พระสงฆ์ 1,250 รูป เป็นพระอรหันต์ทั้งหมด 1 , พระสงฆ์ทั้งหมดเป็นเอหิภิกขุ 1 , พระอรหันต์ทั้งหมดใจตรงกันมาเฝ้าพระพุทธเจ้า 1 , เป็นวันนั้นเป็นวันมาฆบูรณดิถี พระจันทร์เพ็ญเสวยมาฆฤกษ์ 1

ดู รูป บันทึกการเดินทาง ไปกรุงราชคฤห์ วันที่ 6 ธ.ค.

วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ท่องแดนพุทธภูมิ ตอน 4 ราชคฤห์_2

หลับไปงีบนึง ตื่นมาอีกที ก็มาถึงเมืองราชคฤห์ แล้วครับ ดูเวลาก็ 9 โมง หน่อยๆ

เมืองราชคฤห์ เป็นเมืองที่ยังอยู่ในรัฐพิหาร อยู่ระหว่าง นาลันทา(ห่างประมาณ 12 กม.) กับ พุทธคยา (ห่างประมาณ 80 กม.) เป็นเมืองที่ เรียกว่า เบญจคีรีนคร เนื่องจาก มีภูเขา 5 ลูกล้อมรอบ เป็นกำแพงเมือง ซึ่งภูเขาที่มีความสำคัญ กว่าเพื่อน คือ ภูเขา “คิชฌกูฏ” ซึ่งเป็นเขาที่มี 3 ยอด มีชื่อว่า “รัตนคีรี” , “ฉัฏฐา” และ “เศละ” ด้วยเหตุนี้ เมืองราชคฤห์ จึงกลายเป็นเมือง ที่มี 7 ยอดเขา หรือ ชาวอินเดีย เรียกว่า “สัตตคิรีนคร” (สัตต แปลว่า เจ็ด)

แน่นอนเป้าหมายที่เราจะไปสักการะบูชาสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ลำดับต่อไป คือ “เขาคิชกูฏ นี่แหละ ของแท้ ที่อินเดียนะครับ แต่ก่อนไป เขาคิชกูฏ คณะทัวร์ได้มาแวะ พักเปลี่ยนอิริยาบถ ปลดหนัก เบา กันที่ รร.อินโด ฮอกเก้ กันก่อนครับ รร.นี้อยู่ใกล้กับ เขาคิชกูฏ มากครับ แต่ครั้นจะเดินไปขึ้นเขาเลยก็เอาเรื่องอยู่ เอ้าเชิญทุกท่านพักตามสะดวกครับ ให้เวลา 15 นาที

SDC11043 โรงแรม อินโด ฮอกเก้ ครับ

SDC11038 พระพุทธรูป ของ รร.อินโด ฮอกเก้ครับ อยู่ในโดมที่เห็นแหละครับ

ระหว่างทางก่อนจะถึงเขาคิชกูฎ ทางเข้าเขา จะผ่านสถานที่สำคัญ เช่น รอยเกวียนโบราณ , วัดชีวกัมพวัน (ถือเป็นโรงพยาบาลสงฆ์แห่งแรกในพุทธศาสนา ถวายโดยหมอชีวกโกมารภัจจ์ ) , เรือนคุมขังพระเจ้าพิมพิสาร (เมื่อโดนพระเจ้าอชาตศัตรูยึดบัลลังค์ได้จับพระองค์มาขังที่นี่) ซึ่งที่เหล่านี้จะเป็นทางที่ต้องผ่านก่อนไปขึ้นเขา แหมเสียดายไม่ได้ลงไปเยี่ยมชมเลยไม่มีรูปมาฝาก

แล้วก็มาถึงแล้วครับ “เขาคิชกูฏ ขนานแท้และดั้งเดิม ความสำคัญของเขาลูกนี้ คือ จะมี พระคันธกุฎี ซึ่งเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ ของพระบรมศาสดา อยู่บนยอดเขาสูงสุด ครับ ซึ่งเมื่อพระองค์เสด็จมายังกรุงราชคฤห์ พระองค์ทรงประทับ พักผ่อนพระอิริยาบถที่นี่เป็นประจำ ระหว่างทางขึ้นเขา ก็จะมีสถานที่สำคัญ ได้แก่ กุฏีพระอานนท์ , กุฏีพระมหาโมคคัลลานะ ,ถ้ำสุกรขาตา ซึ่งเป็นที่พระสารีบุตรสำเร็จอรหันต์

บรรยากาศบริเวณจะขึ้นเขาคิชกูฏ (เขาคิชกูฏของแท้ที่อินเดีย) บรรยากาศบริเวณเชิงเขา

เขาคิชกูฎ เห็นทางขึ้นแล้วเดินขึ้นไม่ยากครับ ทางขึ้นไม่ชันมาก แต่กระนั้นก็ตาม ชาวอินเดีย ได้เตรียมบริการผู้มีจิตศรัทธาที่อาจจะเดินขึ้นไม่ไหว หรือท่านที่อยากจะออมแรงไว้ โดยมีเสลี่ยงไว้คอยบริการครับ(800 รูปีไปกลับ) ระยะทางถึงยอดเขาประมาณ 750 เมตร (30 นาที)

เสลี่ยงสำหรับบริการผู้ต้องการขึ้นไปทำบุญบนเขา นี่แหละเสลี่ยงไว้คอยบริการญาติๆ ทั้งหลาย

เสลี่ยงสำหรับบริการผู้ต้องการขึ้นไปทำบุญบนเขา คุณหลิง ดูแลลูกทัวร์ อย่างดี

Happy เย็นสบายดีครับ

วันนี้แดดแรงนิดครับ ดูครับ ทางเดินขึ้นเขาดีมาก เดินได้สบาย ตอนนี้ใกล้ถึงยอดเขาแล้วครับ”

คุณแม่บอกว่า “สบายมากเดินเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบเดี๋ยวก็ถึง :)”

ถึงแล้วครับ ยอดเขาคิชกูฎ เราก็จะได้พบกับ พระคันธกุฎี ที่ประทับส่วนพระองค์ เห็นแล้วรู้สึกได้มาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเลยครับ ส่วนด้านข้าง ก็จะมี กุฎีพระอานนท์ (พระอานนท์ เป็น พุทธอุปัฎฐาก = พระที่ถวายการรับใช้พระพุทธองค์ และ เปรียบเหมือนเป็นเลขาของพระองค์) บนยอดเขาจะพบพุทธศาสนิกชนมาสักการะบูชากันหลายท่านหลายคณะนะครับ ทยอยกันมา ใครมาถึงก็สวดมนต์ ภาวนากันตามอัธยาศัยครับ แล้วคณะทัวร์เราก็เข้าสู่การทำพิธีสวดมนต์ภาวนาเป็นพุทธบูชา ครับ

พระธิเบต และ พวกเราก็นั่งสวดมนต์ บำเพ็ญสมาธิ หน้าพระคันธกุฏิของพระพุทธเจ้า คณะทัวร์ กำลังสวดมนต์ เป็นพุทธบูชา

สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ พระคันธกุฏิของพระพุทธเจ้าบนเขาคิชกูฏ ขออนุญาติถ่ายภาพกับ พระคันธกุฏีนะครับ

สวดมนต์ภาวนาถวายดอกไม้ ธูป เทียน ทอง(คำเปลว) ที่พระคันธกุฎีเสร็จแล้วก็ค่อยๆ เดินลงมาสักการะสวดมนต์ ภาวนา สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ระหว่างทางบนเขากันต่อ

SDC11062 เสลี่ยงรอรับผู้โดยสาร ลงจากเขาครับ

เริ่มจาก ถ้ำสุกรขาตา ที่พักของพระสารีบุตร (อัครสาวกเบี้องขวา ผู้มากด้วยปัญญา ท่านบรรลุพระอรหันต์ใน 15 วันหลังจากได้ออกบวช) ซึ่งที่ถ้ำนี้ พระมหาอ้าย (พระธรรมบรรยายอีกท่าน) ได้เล่าประวัติของ พระสารีบุตร ให้คณะฟังแบบย่อๆ และท่านมหาอ้าย ได้ให้ข้อคิด กับคณะทัวร์ ที่ถ้ำพระสารีบุตร 3 ข้อ –> สะเทือนใจ ได้ข้อคิด ชีวิตไม่ประมาท

1. สะเทือนใจ - ให้ระลึกถึงสังเวชนียธรรม แล้วเกิดความสังเวช สะเทือนใจเห็นแก่นธรรมของความเป็นจริง (เพิ่งคิดขึ้นได้ว่า สังเวชนียสถาน มาจากคำว่า “สังเวช” นี่เอง คือเป็นสถานที่ทำให้เกิดความสังเวช สะเทือนใจ)

2. ได้ข้อคิด - ให้มองพระสารีบุตร ว่าแม้ท่านจะร่ำรวยเพียงใด แต่ใจก็ยังแสวงออกบวช เพื่อแสวงหาพระนิพพาน

3. ชีวิตไม่ประมาท - อันนี้ตรงตัวขณะมีชีวิตอยู่ให้มุ่งทำความดี ประพฤติ ปฏิบัติธรรม จะตายวัน ตายพรุ่งก็ไม่รู้

สักการะ พระสารีบุตรอัครสาวกเบื้องขวา ถ้ำสุกรขาตา

ต่อมาที่ถ้ำพระโมคคัลลานะ (อัครสาวกเบื้องซ้าย ผู้มากด้วยฤทธานุภาพ ใครจะมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าจะต้องพบกับท่านเสียก่อน ท่านบรรลุพระอรหันต์ใน 7 วันหลังจากได้ออกบวช) มาถึงถ้านี้ก็เช่นเคยครับ พระมหาอ้าย ก็เล่าประวัติของ พระโมคคัลลานะ ฉบับย่อ ให้คณะฟัง ตามด้วยการสวดมนต์ สักการะบูชา

สักการะพระโมคคัลลานะอัครสาวกเบื้องซ้าย ที่ ถ้ำพระโมคคัลลานะ ถ้าพระโมคคัลนะ

ตรงปากทางเข้าถ้ำพระโมคคัลลานะ ยังเป็นสถานที่ที่พระเทวทัตกลิ้งหิน หมายลอบปลงพระชนม์พระพุทธเจ้าด้วยแต่ ความชั่วนี้ทำได้แค่ทำให้พระองค์ห้อพระโลหิตที่พระบาทเท่านั้น

SDC11077 สถานที่พระเทวทัตกลิ้งหิน

แล้วก็เดินลงมาถึงด้านล่างอย่างอิ่มบุญ และขอถวายบุญกุศลที่ลูกและคณะได้สวดมนต์ บำเพ็ญภาวนา ณ.สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ แด่พ่อหลวงของชาวไทย ขอให้ท่านทรงสุขพลานามัยแข็งแรงด้วยเทอญ สาธุ

อิ่มบุญแล้ว ก็เที่ยงพอดี ทางคณะต้องไปอิ่มท้องกันต่อ ที่ รร. ฮอกเก้ ก่อนเดินทางไป แสวงบุญกันต่อ ที่ วัดเวฬุวัน ขอไปทานเที่ยงก่อนนะครับ แล้วพบกันในตอนต่อไป เรายังอยู่ที่เมืองนี้กันต่อครับ

ปล. สำหรับพระมหาอ้าย และ พระมหาธนรัฐ ทุกท่านไม่ต้องห่วงฉัน ครับ คุณหลิง ให้รถพาท่านไปฉันเพล ตอน 11 โมงกว่า ที่ รร.ฮอกเก้ เรียบร้อยแล้วครับ

ดู รูป บันทึกการเดินทาง ไปกรุงราชคฤห์ วันที่ 6 ธ.ค.

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ท่องแดนพุทธภูมิ ตอน 3 ราชคฤห์_1

วันที่ 6 ธันวา 2552

สูตรสำหรับวันนี้ คือ 5-6-7 นั่นคือ ตื่นตอนเช้า ตี 5 ทานข้าว ตี6 ล้อหมุน 7 โมง

เช้าวันใหม่แล้ว ชาร์ตแบตกันเต็มที่ ทานอาหารเช้า เรียบร้อย คณะเราก็เตรียมตัวออกเดินทางไป กรุงราชคฤห์ ตามโปรแกรมกันได้

เหมือนเดิมครับ เราไปไหนเองไม่ได้ ต้องมี พระนำ ไม่งั้นเดี๋ยวหลง โดนอาคม มนต์เสน่ห์ นิมนต์ ท่านพระมหาธนรัฐ เป็นพระธรรมบรรยาย สำหรับการเดินทางวันนี้ต่อไปครับ

กรุงราชคฤห์ สำคัญอย่างไรครับท่าน ? -> กรุงราชคฤห์ เดิมเป็นแคว้นที่มีอำนาจมากที่สุดใน 8 แคว้นใหญ่ของชมพูทวีป เป็นแหล่งชุมนุม่ของพ่อค้าและเจ้าลัทธิมากมาย พระพุทธองค์ ทรงเลือกเมืองราชคฤห์ เป็นฐานที่มั่นในการประกาศพระศาสนา โดยมีพระเจ้าพิมพิสาร ราชาแห่งแคว้นมคธ back up ให้เต็มที่ เมืองราชคฤห์นี้ เป็นเมืองที่มีประวัติเกี่ยวข้องกับพระองค์ แล พระสาวกมากมาย อีกทั้ง วัดเวฬุวัน ซึ่งเป็นวัดแห่งแรกในพระศาสนา ก็อยู่ที่นี่ด้วย ไปตามรอยพระพุทธศาสนา ที่เมืองราชคฤห์ กันเลยครับ

จากเมืองคยา ใช้เวลาประมาณ 3 ชม. ในการเดินทางไป เมืองราชคฤห์ แต่ระหว่างทางนั้น พระมหาธนรัฐ ได้บรรยายความรู้ต่างๆ ทั้งทางโลก และ ทางธรรม ให้แบบไม่มีกั๊กเลย

ออกจาก รร. ได้เล้กน้อยเราก็จะพบกับ ม. เนรัญชรา ซึ่งถ้าไม่บอกว่าเป็นแม่น้ำคงไม่เชื่อ เพราะภาพที่เห็นมันเป็นทะเลทรายชัดๆ นี่แหละ แม่น้ำที่พระพุทธเจ้ามาเสี่ยงทายลอยถาดทองคำที่นางสุชาดา เอาข้าวมธุปายาส มาถวายพระองค์

แม่น้ำเนรัญชรา ซึ่งเต็มไปด้วยทรายแบบเห็นๆ นั้น จะมี น้ำประมาณช่วงเดือน มิ.ย. ซึ่งแม่น้ำสายนี้ มีเรื่องเล่า ว่า แต่ก่อนมีฤาษีฝึกปฏิบัติอยู่เยอะมาก และ กุศโลบายอย่างหนึ่งที่ฤาษีใช้คือ ทุกครั้ง ที่มีจิตอกุศล ให้กำทรายมาทิ้ง ลงแม่น้ำเนรัญชรา นี้ ก็คิดกันเองล่ะกันครับท่าน ว่าทรายที่เห็นน่ะเยอะขนาดไหน

นี่แหละแม่น้ำเนรัญชราที่ปัจจุบันแห้งขอดเป็นแม่น้ำทราย นี่แหละ ม. เนรัญชรา ที่เป็นทรายลงไปเดินได้เลย แต่จะมีน้ำในช่วงเดือน มิ.ย.

เห็นพื้นด้านล่าง จะบอกว่านี่คือแม่น้ำเนรญชรา แต่ปัจจุบันน้ำแห้งขอดกลายเป็นแม่น้ำทราย จะมีน้ำบ้างในช่วงฤดูฝน เดือน มิ.ย.ถึง ก.ย. ที่เห็นไกลๆ ก็จะเป็น ภูเขา ดงรัญชรา ซึ่งเป็นสถานที่บำเพ็ญทุกขกิริยา

ฟังเรื่องแม่น้ำไปแล้ว ตอนนี้ก็เข้าสู่ช่วงพิธีแล้ว เริ่มด้วยการ สวดคาถาเปิดทางกันก่อน เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างสะดวกและปลอดภัย ตามด้วยการ สวดมนต์ทำวัตรเช้า ก็บนรถทัวร์เรานี่แหละครับ แปลงเป็นศาลาการเปรียญได้เลย ซึ่งการสวดมนต์จะเป็นการป้องกันอาคมต่างๆ ไปด้วยนะโยมนะ

จากนั้นก็ดูวิว ทิวทัศน์ และวิถีชีวิต ชาวอินเดีย (ต่างจังหวัด) ซึ่งก็ต้องบอกว่าคนยังยากจนอยู่มากและขอทานก็มาก และก็เป็นอาชีพอย่างหนึ่งไปเลย หลวงพี่ ได้ให้ คาถาป้องกัน การทุกข์ใจ ขณะที่อยู่ในอินเดีย ว่า “จงมองอินเดีย ในสิ่งที่เค้าเป็น อย่ามองสิ่งที่คาดหวังอยากให้เค้าเป็น” นั่นก็หมายความว่า ที่เราคาดหวังว่าคนอินเดียจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อย่าไปหวัง ให้มองและทำใจรับในสิ่งที่เค้าเป็น มองอย่างพิจารณา -> หลวงพี่สอนว่า เห็นเค้าอย่างนี้ เราอย่าไปคิดแทนเค้า จะทำให้เราเป็นทุกข์ ให้คิดว่านี่คือ Animal will do แปล ตรงตัว ก็คือ สัจจะธรรม (แหมเล่นมุกซะด้วย หลวงพี่)

สิ่งปลูกสร้างข้างทางขณะเดินทางไปราชคฤห์ สิ่งปลูกสร้าง

SDC11032 ป้ายโฆษณา แบบธรรมชาติ ใช้หินเป็นป้ายซะเลย

การเดินทาง 3 ชม. ที่อยู่บนรถ แน่ล่ะ สิ่งที่ทุกคนต้องกังวล คือ ห้องน้ำล่ะ จะเข้าที่ไหน หลายคนคงได้ยินกิตติศัพท์ และทำใจมาบ้างแล้ว ขอบอกว่า อย่าไปกลัว ห้องน้ำที่อินเดีย คุณจะได้สัมผัสกับห้องน้ำที่ใหญ่ ที่สุดในโลก สัมผัสธรรมชาติ เต็มที่ ก็นะ ข้างทางนั่นแหละ คนรถเค้าชำนาญ ถึงจุดแวะรับรอง แต่ละคนไปหาทำเลสะดวก ได้เลย ธรรมชาติสุดๆ แต่ปัจจุบัน การบินไทย ก็เตรียมกระโจมไว้ให้ สำหรับ ลูกทัวร์ สาวๆ เพื่อให้ปลดเบา ปลดหนักกันแบบสบายใจหน่อย

เสียงคุณหลิง ตะโกนมาขณะอยู่บนรถ -> อย่าลืม ใครปวดเบา ชูนิ้วก้อย ถ้าปวดหนัก ชูนิ่วโป้ง แต่ถ้าอีนี่ชั้นไม่ไหวแล้วนะ(ทำเสียงสำเนียงแขก) ก็ ชู 5 นิ้วเลยพะยะค่ะ รถเราจะจอดให้เข้าห้องน้ำทันที

SDC11034 นี่แหละ จุดแวะพักที่ 1 ของเรา ห้องน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก

SDC11031 ที่จุดแวะพัก ก็จะมีขอทานก็ออบริเวณประตูรถ เพื่อขอทาน

แล้วก็ได้ถึงจุดแวะพักที่ 1 สำหรับปลดเบากันนะครับ Staff ประจำรถก็เอากระโจมลงไปกางให้ทุกท่านได้ปลดเบากันอย่างสบายใจและก็จะเห็นว่ามีขอทานมาออเพื่อขอทานกันหลายคนเลย มีพี่ท่านหนึ่งในคณะที่เคยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เลยมีประสบการณ์ ก็เตรียมยาหม่อง มาเป็น pack เลย พี่เค้าบอกว่า พวกนี้ชอบยาหม่อง เอาไปใช้ได้ ว่าแล้วพี่ท่านก็โปรยทานเป็นยาหม่องให้ เด็กๆ และผู้ใหญ่ได้เอายาหม่องไปใช้ สมใจได้บุญกันเต็มที่ครับ สาธุๆ อนุโมทามิ

นี่ยังอยู่ระหว่างทางไปกรุงราชคฤห์ อยู่เลยครับ เล่ามายาวจัง ไว้ติดตามตอนต่อไปนะครับ ว่าที่กรุงราชคฤห์ มีสถานที่สำคัญอันใด ให้เราได้สักการะบูชา บ้าง

ปล.สำหรับยาหม่องต้องตราหนุมานถือลูกท้อจะดีมาก เพราะอินเดียนับถือหนุมาน (อิๆๆ อันนี้มุกขำๆ ครับ)

ดู รูป บันทึกการเดินทาง ไปกรุงราชคฤห์ วันที่ 6 ธ.ค.

วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2553

ท่องแดนพุทธภูมิ ตอน 2 พุทธคยา_2

พุทธคยา ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเนรัญชรา อยู่ในรัฐพิหาร องค์เจดีย์ ที่เรียกว่า มหาเจดีย์พุทธคยา และบริวารจะอยู่ต่ำกว่าระดับพื้นดินปัจจุบัน ถึง 5 เมตร เนื่องจาก มีการขุดค้นที่นี่ และ ขุดดินออก เฉพาะในโซนนี้ โดย ท่านเซอร์อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม แต่ส่วนรอบนอกไม่มีการขุดค้น จึงทำให้บริเวณองค์มหาเจดีย์ อยู่ต่ำกว่าบริเวณโดยรอบ

SDC10982 องค์มหาเจดีย์พุทธคยา

SDC10996 พระพุทธเมตตา

ภายในองค์มหาเจดีย์ ชั้นล่าง จะมีพระพุทธรูป ปางมารวิชัย สร้างจากหินแกรนิต สูงประมาณ 2 เมตรเศษ เรียกว่าหลวงพ่อพุทธเมตตา

หลวงพี่ธนรัชต์ ได้พาคณะทัวร์ นำชมสถานที่สำคัญ รอบๆ องค์มหาเจดีย์ และ ให้ความรู้ต่างๆ มากมาย ไล่เรียงมาตั้งแต่ องค์มหาเจดีย์ พุทธคยา ที่เริ่มสร้างในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช สร้างเป็น 2 ชั้น ชั้นแรกเป็นห้องโถง ประดิษฐาน พระพุทธเมตตา ชั้นที่ 2 เป็นห้องวิปัสสนา

ปัจจุบันพระมหาเจดีย์พุทธคยาและปริมณฑล ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ประเภทมรดกทางวัฒนธรรมจากองค์การยูเนสโก

SDC10955 บริเวณองค์เจดีย์พุทธคยา คนมาสักการะบูชากันเยอะมาก

SDC10960

SDC10962 บริเวณรอบๆองค์มหาเจดีย์

หลังจากบรรยายภาพรวมเสร็จแล้ว หลวงพี่ ก็พาลงไปดู ต้นอชปาลนิโครธ จำลอง ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้ามหาเจดีย์ พุทธคยา ลงบันไดไปปุ๊บ ก็เห็นปั๊บ ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่พระพุทธเจ้าได้มาเสวยวิมุติสุขในสัปดาห์ที่ 5 หลังจากตรัสรู้แล้ว

SDC11014 ต้นอชปาลนิโครธ (จำลอง)

อ้อลืมบอกไปอย่างหนึ่ง ที่นี่ ถ้าจะนำกล้องถ่ายรูปเข้าไปในบริเวณองค์เจดีย์พุทธคยา เพื่อชักภาพ จะต้องจ่าย 20 รูปี ถ้าเป็นกล้องวิดีโอ ก็ 300 รูปี (1รูปี ก็ประมาณ 0.66 บาท) และ ก็ต้องฝากรองเท้าไว้ด้วย(เสียค่าฝากเท่าไหร่จำไม่ได้น่าจะประมาณ 20 รูปี) ก่อนเข้าไปในเขตองค์มหาเจดีย์ ดังนั้น ให้ดีควรสวมถุงเท้าไว้สำหรับการเดินไหว้พระ หรือ ชมองค์มหาเจดีย์ ก็ดีเหมือนกัน

SDC10987

จากนั้นหลวงพี่ก็พาไปชมสระมุจลินทร์ (จำลอง) ซึ่งเป็นสถานที่พระยามุจลินทร์มาคราช ได้เข้าถวายอารักขาด้วยแผ่พังพานพร้อมด้วยขนด 7 รอบ เพื่อป้องกันพระองค์ จากพายุฝน ขณะที่พระองค์ประทับเสวยวิมุติสุขในสัปดาห์ที่ 6

SDC10967

เสาที่เห็นคนดูกันเยอะๆ นี้เป็นเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราช(จำลอง) สร้างเป็นอนุสติพุทธานุสรณ์ตั้งอยู่หน้าวิหารสระมุจลินทร์จำลอง

SDC10974 สระมุจลินทร์ (จำลอง)

เมื่อชมสระมุจลินทร์ เสร็จแล้วก็เดินเวียนรอบ องค์มหาเจดีย์ ซึ่งวันนี้ก็มีคณะทัวร์จากเมืองไทย และ คณะพระไทย มาเวียนเทียนสวดมนต์ รอบองค์มหาเจดีย์ด้วย (ไม่รู้ว่าจะมีแบบนี้ทุกวันหรือป่าว) จากนั้นเมื่อเวียนเทียนเสร็จ ก็เข้าไปไหว้พระพุทธเมตตา ถวายผ้าไตรจีวร

SDC10990 พระสงฆ์ และคณะพุทธศาสนิกชน เวียนเทียนรอบองค์พระมหาเจดีย์

เมื่อเสร็จจากการไหว้พระพุทธเมตตาแล้ว หลวงพี่ธนรัชต์ และคณะเอื้องหลวงเรา ก็พากันไปหามุมเหมาะๆ ในการสวดมนต์ ทำวัตรค่ำ และก็ได้ที่เหมาะๆ แล้วคือ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ซึ่งเป็นสถานที่ประทับอธิษฐานเพื่อบรรลุโพธิญาณ และได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ปัจจุบันต้นนี้เป็นต้นที่ 4 ปลูกโดย เซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม ถึงปีพศ. 2552 นี้ ก็มีอายุ 129 ปีแล้ว

SDC11006SDC11001 กำลังเตรียมสวดมนต์กันที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์

ได้ที่เหมาะๆ แล้วก็ทำใจให้สงบ กับยามค่ำคืนแรกที่พุทธคยา หยิบหนังสือสวดมนต์ออกมา (ตามด้วยไฟฉายส่องบทสวดมนต์) และก็เริ่มสวดมนต์ทำวัตรค่ำกันเลย โดยการนำสวดของพระมหาธนรัชต์ เมื่อสวดมนต์เสร็จแล้วก็ อธิษฐานให้พ่อหลวงของชาวไทย ทรงพระเจริญ สุขภาพแข็งแรง แล้วก็อุทิศบุญกุศลต่อไป สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

SDC11018 กำลังเดินออกจากเขตพุทธคยาแล้ว

SDC11020 สภาพด้านนอกเขตพุทธคยา

พรุ่งนี้ เรายังพักอยู่ที่เมืองคยา แต่จะเดินทางไปจาริกบุญ กันต่อที่เมืองราชคฤห์ นะครับ โปรดติดตามตอนต่อไป

ประวัติของพุทธคยา ยังมีที่น่าสนใจอีกมากถ้า ท่านใดสนใจรายละเอียด ก็สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่

ดูรูปบันทึกการเดินทาง พุทธคยาวันที่ 5 ธ.ค. ทั้งหมดได้ ที่นี่